ต้อหิน รักษาหายไหม พร้อมเช็คอาการเบื้องต้น

โรคต้อหิน (Glaucoma) สามารถหายได้ไหม ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับโรคต้อหินกันก่อนว่ามันเป็นโรคที่เกิดจากความเสียหายของเส้นประสาทตา ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากความดันลูกตาที่สูงกว่าปกติ โรคนี้มีผลต่อการมองเห็นอย่างรุนแรง และอาจทำให้ตาบอดถาวรได้หากไม่ได้รับการรักษาในระยะเริ่มต้น ต้อหินมักจะพัฒนาช้าและไม่มีอาการชัดเจน จึงมักถูกพบเมื่ออาการรุนแรงแล้ว

    สารบัญ

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4

สาเหตุของโรคต้อหิน

สาเหตุหลักของต้อหินคือการสะสมของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาที่ไม่สามารถระบายออกได้ ทำให้เกิดความดันภายในลูกตาสูงขึ้น และไปกดทับเส้นประสาทตา นำไปสู่การเสื่อมของเส้นประสาทตา จนทำให้การมองเห็นลดลง

สาเหตุที่ทำให้เกิดต้อหินมีหลายปัจจัย ได้แก่:

รูปภาพ(ใส่alt text ชื่อไฟล์ eng ขนาดไม่เกิน 100kb)

  1. ความดันลูกตาสูง: เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคต้อหิน การเพิ่มของความดันลูกตาอาจเกิดจากการสะสมของน้ำภายในลูกตา ซึ่งไม่สามารถระบายออกได้ตามปกติ
  2. กรรมพันธุ์: หากครอบครัวมีประวัติเป็นโรคต้อหิน ก็อาจมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มญาติสายตรง
  3. อายุที่มากขึ้น: ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อหินจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
  4. โรคประจำตัว: ผู้ที่มีโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงจะมีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ เนื่องจากโรคเหล่านี้มีผลต่อการไหลเวียนของเลือดและความดันภายในลูกตา
  5. การบาดเจ็บที่ตา: การกระทบกระเทือนหรือการบาดเจ็บที่ดวงตาในอดีต อาจส่งผลให้เกิดต้อหินได้ในภายหลัง

วิธีการรักษาโรคต้อหินในปัจจุบัน

การรักษาโรคต้อหินในปัจจุบันมีหลายวิธี โดยเป้าหมายหลักของการรักษาคือการลดความดันในลูกตาเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมของเส้นประสาทตา วิธีการรักษาหลักๆ ได้แก่:

  1. การใช้ยาหยอดตา: ยาหยอดตาเป็นวิธีการรักษาเบื้องต้นที่แพทย์นิยมใช้ เพื่อลดความดันในลูกตา ยาหยอดตาจะช่วยเพิ่มการระบายของน้ำในลูกตาหรือช่วยลดการผลิตน้ำในลูกตา ยาที่ใช้บ่อยๆ ได้แก่ ยากลุ่ม Beta-blockers, Prostaglandin analogues และ Alpha-agonists
  2. การใช้ยากิน: ในบางกรณี แพทย์อาจจ่ายยากินร่วมกับยาหยอดตา เพื่อช่วยลดความดันลูกตาเพิ่มเติม
  3. การผ่าตัดด้วยเลเซอร์: เป็นวิธีที่ใช้เมื่อต้องการระบายของเหลวออกจากลูกตา โดยการทำเลเซอร์จะช่วยเปิดทางให้ของเหลวระบายออกได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความดันในลูกตาได้ การผ่าตัดเลเซอร์ที่นิยมทำ ได้แก่ Laser Trabeculoplasty และ Laser Iridotomy
  4. การผ่าตัดเพื่อสร้างช่องระบายน้ำใหม่: สำหรับผู้ที่ใช้วิธีการรักษาด้วยยาไม่ได้ผล หรือโรคอยู่ในระยะที่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อสร้างช่องทางระบายน้ำใหม่ให้ของเหลวในลูกตาสามารถไหลออกได้ดีขึ้น
  5. การใส่ท่อระบายน้ำ: ในกรณีที่การผ่าตัดสร้างช่องระบายน้ำไม่ได้ผล อาจจำเป็นต้องใส่ท่อระบายน้ำที่ทำจากวัสดุพิเศษเข้าไปในลูกตา เพื่อช่วยระบายของเหลวอย่างถาวรการป้องกันต้อหิน แม้โรคต้อหินไม่สามารถป้องกันได้ 100%

เราสามารถลดความเสี่ยงและตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นด้วยวิธีดังนี้

1.ตรวจตาเป็นประจำ: โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปี ควรตรวจวัดความดันลูกตาและสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

2.ควบคุมโรคประจำตัว: การควบคุมโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงอย่างเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อหิน

3.สวมแว่นตาป้องกัน: การป้องกันการบาดเจ็บที่ดวงตาด้วยการสวมแว่นกันแดดหรือแว่นป้องกันเมื่อทำกิจกรรมที่เสี่ยง

สรุป: โรคต้อหินเป็นโรคที่รุนแรงและสามารถทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวรได้ แต่หากตรวจพบและรักษาในระยะเริ่มต้น สามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลสุขภาพตาและตรวจตาอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *